มุสลิมสามารถอยู่ร่วมกับLGBTในสังคมได้ไหมค่ะ หมายถึงเฉพาะในประเทศไทย
มุสลิมกับLGBTต่างศาสนา ต้องปฎิบัติตัวกันอย่างไร
มุสลิมกับLGBTที่เป็นมุสลิมด้วยกัน ต้องปฏิบัติตัวกันอย่างไร
อย่าตอบว่าให้กลับตัวกลับใจหรือผิดธรรมชาติ เพราะนั่นไม่คำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ และตามหลักสากลLGBTเป็นสิทธิมนุษยชน แม้ว่าใครจะยอมรับ ไม่ยอมรับก็ตาม
ที่ต้องการคือจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร เช่นเป็นเพื่อนกัน ทำงานร่วมกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน
พอจะมีหนทางออกLGBTอยู่ร่วมกันกับมุสลิมแบบแนวทางที่ว่าอิสลามแปลว่าสันติไหม หรือว่าไม่ว่ายังไงLGBTกับอิสลามอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ค่ะ ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
หรือว่าต้องต่างคนต่างอยู่ ไม่ข้องเกี่ยวกัน แต่เป็นเรื่องยากนะคะ
มุสลิมรู้สึกอย่างไรกับLGBTที่ต่างศาสนา แล้วLGBTมุสลิมออกจากอิสลามได้ไหมและครอบครัวรู้สึกอย่างไรกับลูกหลานที่เป็นLGBT
ไปเจอบทความข้างล่างนี้มา เลยเอามาเพื่อให้คนที่ไม่ใช่มุสลิมอ่านดูค่ะ
เท่าที่แอดมินลองนับดูคร่าวๆ กุรอานกล่าวถึง "ลูฏ" ถึง 26 ครั้ง เท่ากับที่กล่าวถึง "อาดัม" ปฐมบุรุษผู้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ทุกคน ตามความเชื่อของศาสนาสายอับราฮัม
(ในบรรดา 25 "นบีสำคัญ" ของศาสนาอิสลาม มีเพียงนบี 4-5 คน เท่านั้น ที่กุรอานกล่าวถึงบ่อยกว่าลูฏและอาดัม)
คำถามคือ #ลูฏ ทำคุณงามความดีอะไรหรือ ถึงได้สำคัญเป็นพิเศษจนต้องกล่าวถึงมากขนาดนั้น?
เป็น "ปฐมบุรุษ" ผู้เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ทุกคน ยังงั้นเหรอ?
หรือว่าสร้างเรือยักษ์เพื่อช่วยมนุษย์และสรรพสัตว์ไม่ให้สูญพันธุ์จากน้ำท่วมโลก?
หรือว่าเป็นผู้นำในการปลดแอกชาวยิวจากฟาโรห์อียิปต์?
ถ้าลูฏจะมีคุณงามความดีอยู่บ้างก็คงจะมีแค่เรื่องที่เขาได้เสนอให้ชาวเมืองทั้งเมือง:)บรรดาลูกสาวของเขาแทนการไปสมสู่กับ "มะลาอิกะหฺ" (ฑูตสวรรค์) ที่มาบ้านลูฏในฐานะแขก
(ถ้าเราจะนับว่าเรื่องที่ว่านี้เป็น "คุณงามความดี" อ่ะนะ)
นอกจากเรื่องที่ว่านั้นแล้วแอดมินไม่เห็นว่าลูฏมีคุณความดีหรือความสำคัญอะไรเลย
ในความเห้นของแอดมิน เหตุที่กุรอานกล่าวถึงชื่อ "ลูฏ" นั้น ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเลย แต่อยู่ที่ "กลุ่มชนของลูฏ" หรือก็คือ "ชาวเมืองโซดอม/โสโดม" นั่นต่างหากล่ะ
บรรดาชาวเมืองที่มาเคาะประตูบ้านของลูฏเพื่อของสมสู่กับ "มะลาอิกะหฺ" นั่นแหละ
เพราะชาวเมืองเหล่านี้ได้ถูกพระเจ้าลงโทษ ไม่เพียงแต่ให้ตายยกเมืองเท่านั้น แต่ยังถล่มเมืองจนเมืองหายสาปสูญไปอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้ก็เนื่องจากความผิดที่ชายชาวเมืองนิยมสมสู่กับเพศเดียวกัน
ดังนั้นแอดมินคิดว่ามันค่อนข้างจะชัดเจนว่าพระเจ้าของอิสลามนั้น #เกลียดเกย์ แบบเข้าไส้เลยทีเดียว
(จริงๆไม่เพียงแต่ "พระเจ้าของอิสลาม" เท่านั้นนะที่เกลียดเกย์ แต่ต้องรวมถึงพระเจ้าของศาสนาสายอับบราฮัมอีก 2 ศาสนาด้วย เพราะต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ไว้ไม่ต่างกันเลยในแง่สาระสำคัญ อาจจะต่างกันบ้างก็เช่นชื่อเรียก ลูฏ/โลท เท่านั้นเอง)
แต่สิ่งที่แอดมินอยากจะตั้งคำถามไปมากกว่านั้นก็คือ นอกจากการลงโทษโดยพระเจ้าเองแล้ว พระเจ้ายังอนุญาตให้มนุษย์ด้วยกันลงโทษเกย์ด้วยหรือไม่?
ซึ่งอันนี้จะพูดเฉพาะในแง่ของศาสนาอิสลามเพียงศาสนาเดียว
กุรอานบทที่ 4 โองการที่ 16-17 กล่าวไว้ว่า
"และชายสองคนในหมู่ของพวกเจ้าที่กระทำการลามกนั้น พวกเจ้าจงลงโทษเขาสียทั้งสองคน หากทั้งสองสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวและปรับปรุงแก้ไขแล้ว ก็จงระงับการลงโทษเขาทั้งสองเสีย แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"
"แท้จริงการสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวที่อัลลอฮฺจะทรงรับนั้นคือสำหรับบรรดาผู้ที่กระทำความชั่วโดยรู้เท่าไม่ถึงการร์เท่านั้น แล้วพวกเขาสำนีกผิดกลับเนื้อกลับตัวในเวลาอันใกล้ ชนเหล่านี้แหละอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ"
แอดมินว่าอันนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนอีกเช่นกัน ว่าอิสลามอนุญาตให้มนุษย์ลงโทษกันเองได้
(จริงๆแอดมินว่าไม่ใช่แค่ "อนุญาต" นะ แต่เป็นการ "คำสั่ง" (ซึ่งต้องทำ) เลยด้วยซ้ำไป)
(ถ้าใครสงสัยว่ากุรอานฉบับภาษาไทยที่แอดมินอ้างถึงนั้นแปลถูกหรือเปล่า ลองเทียบกับภาษาอังกฤษดูครับ อันนี้มีหลายสำนวนแปลเลย แถมยังจัดระดับความน่าเชื่อถือของแต่ละสำนวนอีกต่างหาก www.islamawakened.com/quran/4/16/default.htm)
คำถามต่อมาก็คือ แล้วการลงโทษที่ว่านั้น เป็นการลงโทษหลักเบาแค่ไหน?
สำหรับเรื่องนี้ แอดมินรวมถึงมุสลิมบางทั่นที่ช่วยค้นข้อมูลไม่เจอโองการในกุรอานที่พูดเรื่องนี้นะ ที่หาเจอมีเพียงที่ระบุไว้ใน "หะดีษ" เท่านั้น
(สำหรับผู้อ่านที่ไม่ใช่มุสลิม, "หะดีษ" ก็คือ คำพูดหรือการกระทำของศาสดามูฮัมหมัดที่มีผู้บันทึกและรวบรวมไว้)
มีหะดีษบันทึกไว้ว่า
แท้จริงท่านนบีได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่พวกท่านพบว่า เขาได้กระทำเยี่ยงการกระทำของกลุ่มชนนบีลูฏแล้ว พวกท่านก็จงสังหารทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำนั้นเสีย”
(รายงานโดย อัตติรมิซี -1456-/ อบูดาวูด -4462-/ อิบนุมาญะฮฺ -2561-)
(ที่มา www.piwdee.net/Islamsoksa5/islam44.html)
al-Tirmidhi (1456), Abu Dawood (4462)and Ibn Maajah (2561) narrated that Ibn ‘Abbaas (may Allaah be pleased with him) said: The Messenger of Allaah (peace and blessings of Allaah be upon him) said: “Whoever you find doing the action of the people of Loot, #execute the one who does it and the one to whom it is done.”. Classed as saheeh by al-Albaani in Saheeh al-Tirmidhi.
อันนี้ก็ชัดเจนอีกเช่นกัน ว่า #การลงโทษ ที่ว่านั้น คือการสังหาร
ส่วนคำถามที่ว่า การ #สังหาร ที่ว่านั้น จะต้องสังหารด้วยวิธีใด อันนี้แอดมินรวมถึงมุสลิมบางทั่นที่ช่วยค้นเรื่องนี้ยังไม่เจอว่ามีการกำหนดไว้หรือไม่
ปล. ที่แอดมินใช้คำว่า (พระเจ้า) "เกลียดเกย์" นี่จริงๆก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะ เพราะตามความเชื่อศาสนาสายอับราฮัม การชอบเพศเดียวกันเป็นบททดสอบที่พระเจ้าใช้ทดสอบมนุษย์บางคน ซึ่งถ้าใครหักห้ามใจได้ และประพฤติตัวตามแนวทาง ก็จะได้ไปสวรรค์, ส่วนสิ่งที่พระเจ้าเกลียดจริงๆ และต้องถูกลงโทษ ก็คือการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน
ปล.ปล. ในทัศนะอิสลาม ชายที่แต่งกายหรือทำพฤติกรรมเลียนแบบหญิง หรือหญิงที่แต่งกายหรือทำพฤติกรรมเลียนแบบชาย ก็มีความผิดและมีโทษเช่นกัน แม้จะไม่หนักเท่ากรณีการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน อันนึงคงได้ลงรายละเอียดในโอกาสต่อไป ان شآءالله
บทความความนี้คัดลอกจากเพจ กุรอานศึกษาแนววิพากษ์ - Critical Quran Studies
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ต้องการมาโจมตีใครนะคะ
จุดประสงค์ต้องการสร้างความเข้าใจค่ะ