ขอสดุดีวีรชนไทย
ปัญหาเรื่องยาเสพติดที่กำลังเป็นที่หนักอกหนักใจของคนไทยทั้งประเทศทุกวันนี้นั้น หากย้อนรำลึกไปเมื่อ 30 ปีที่แล้วนั้น ยาบ้ายังไม่เป็นที่แพร่หลาย ยาเสพติดที่ออกสู่ตลาดโลกขณะนั้นคือเฮโรอีนโดยมีแหล่งผลิตหลักอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทยภายใต้การนำของ "จาง ซี ฟู"หรือขุนส่า ซึ่งปัจจุบันได้มอบตัวกับทางการพม่าไปแล้ว
ช่วงที่ “ป๋าเปรม” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2523 นั้นประเทศไทยได้รับการตำหนิติเตียนจากนานาชาติว่า ไม่ได้เอาจริงเอาจังในการปราบปรามยาเสพติด บางคำกล่าวหาก็ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไทยแอบร่วมมือกับขุนส่า เพราะปรากฎข่าวที่ค่อนข้างชัดเจนว่าขุนส่าได้มาตั้งฐานผลิตเฮโรอีนอยู่ที่บ้านหินแตก (ปัจจุบันชื่อบ้านเทอดไทย)ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาในเขตแดนไทยถึงกว่า 10 กิโลเมตร
เรื่องการทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดจึงนับเป็นนโยบายเร่งด่วนประการหนึ่งของท่าน โดยเฉพาะโรงงานผลิตเฮโรอีนที่บ้านหินแตก ซึ่งในกองทัพบกช่วงนั้น พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการทหารบก
พล.อ.อรพันธ์ วัฒนวิบูลย์ ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุไปแล้วเล่าให้ฟังว่า…
"พล.อ.เปรม ฯ ได้หารือกับกองทัพบกว่ากองทัพบกรับทำเรื่องนี้ได้ไหม กองทัพบกก็ตอบรับ เรื่องไม่ได้พูดกันกว้างขวางชนิดว่ามีหนังสือโต้ตอบอะไรกัน เป็นการพูดเฉพาะตัว เพราะเป็นเรื่องที่รั่วไหลไม่ได้ ข่าวเรื่องนี้มันไวมาก
พล.อ.ชวลิต ฯ ท่านรับเรื่องมาแล้ว ผมจำได้ว่าเป็นปลายเดือน ก.ค.2524 ท่านเรียกผมไปพบ ตอนนั้นผมมียศเป็นพันเอก มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 2 ท่านบอกว่ามีงานที่สำคัญชิ้นหนึ่ง เป็นงานในระดับรัฐบาลมอบหมายมาให้กองทัพบกคือ พล.อ.เปรมฯได้มอบหมายผ่านกองทัพบก ผ่านผู้บัญชาการทหารบกจนถึงตัวท่านว่าจะใช้กำลังต่อกลุ่มบุคคลหรือกองกำลังกลุ่มหนึ่ง แต่ตอนนั้นท่านยังไม่ได้พูดว่าเป็นปัญหายาเสพติด ท่านบอกว่าบริเวณตะเข็บชายแดน
ในการเดินทางเข้าไปนั้น ไม่ใช่พุ่งหน่วยพรวดพราดเข้าไปตรงๆถึงที่หมายเลย มันต้องลัดเลาะไปตามภูมิประเทศเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อน ท่านบอกว่าอยากได้กำลังที่เข้มแข็งกล้าหาญเอาจริงเอาจังและกล้าตาย เราไม่สามารถใช้คนมากเพราะเป็นการทำงานที่ล่อแหลมมาก ไม่สามารถจะให้คนรู้มาก รู้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น "
เมื่อรับภารกิจมาแล้วท่านก็เริ่มเตรียมการทันทีใช้รูปการจัดแบบหน่วยจู่โจมเฉพาะกิจซึ่งเรียกเป็นรหัสของหน่วยว่า"หน่วยเฉพาะกิจเสือดำ" ประกอบด้วยกำลังพลเพียง 62 คน แต่เป็น 62 คนที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วเป็นอย่างดี และเมื่อผ่านการฝึกอย่างหนักแล้วก็เคลื่อนย้ายกำลังออกจากค่ายปักธงชัยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการเมื่อ 26 ก.ย.2524 ทั้งนี้อยู่ในการรักษาความลับอย่างเข้มงวด
"เราเดินทางโดยใช้รถ 6 ล้อ 2-3 คัน เมื่อลงรถเราเดินลัดเลาะเข้าไปใกล้ๆทางขึ้นดอยตุง แถวนั้นเป็นดงของขุนส่าซึ่งมีอิทธิพลในหมู่บ้านห้วยไคร้ เป็นหมู่บ้านไทยใหญ่ เขามีหน่วยสนับสนุน หน่วยส่งกำลังที่จัดตั้งเอาไว้ รวมทั้งสืบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเราไปถึงบริเวณนั้นเกือบ 5 ทุ่มแล้ว ไม่มีคนสนใจ ไม่มีคนรู้เห็น
หน่วยเราเดินตัดขึ้นเขา พอถึงสันเขาชายแดนก็รู้สึกจะเป็นเวลาตี 2 ตี 3 แล้ว จากนั้นก็ลงหาลำน้ำแม่สาย ตอนนั้นน้ำป่าเชี่ยวกราก เราก็อาศัยเกาะห่วงยาง แพยางที่จัดหาไปจากกรุงเทพ เราเตรียมไปเสร็จ มีอินฟราเรดตรวจการณ์กลางคืน ลำน้ำแม่สายถึงแม้ไม่กว้างนักแต่กระแสน้ำก็เชี่ยวจัด เราเดินตัดข้ามกลับไปกลับมาหลายครั้ง เราเดินเลาะลำน้ำแม่สาย แต่ทหารที่อยู่ในหน่วยของเราเดินเหมือนกับเคยเดินมาแล้ว 4-5 เที่ยว เพราะเราศึกษาจากแผนที่ เราจำลองแผนที่แล้วมาขยายดูรายละเอียดก็รู้
เราเริ่มเดินตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.จนถึงวันที่ 3 ต.ค.ใช้เวลาหลายวัน เดินกลางคืนนอนกลางวันไม่ต้องการให้ใครเห็น ตัวโรงงานผลิตนั้นอยู่ลึกมาก มันเป็นเวิ้งเข้าไป มีโรงเรือนหลายหลัง เป็นโรงงานค่อนข้างใหญ่ มีกำลังคุ้มกันเป็นกองร้อย
คนของเราที่เข้าไปนั้นประมาณ 30-40 คน ส่วนผมควบคุมอยู่บนยอดดอยสูงด้วยการติดต่อสื่อสารทางวิทยุเข้ารหัสไม่ไกลจากเป้าหมายมากนักบริเวณตะเข็บชายแดน
หลังจากที่เคลื่อนกำลังเป็นวันที่ 6 ก็ถึงที่หมาย เราเดินกลางคืนพอกลางวันก็หยุดพัก ในที่สุดก็เข้าโจมตี
พอเข้าไปก็เจอกับกองรักษาด่าน จุดเฝ้าตรวจเหมือนกับการปฏิบัติของทหาร มีกำลังติดอาวุธเป็นกองร้อยเรียกว่ากองกำลัง Shan United Army (S.U.A.)คือกองกำลังของขุนส่ามีหลายพันคน มีอาวุธค่อนข้างทันสมัย มีอาวุธเอ็ม 16 เอ็ม 79 มีเครื่องมือติดต่อสื่อสารทันสมัย มีวิทยุมือถือให้กันอย่างมาก เขามีเงินมาก
จนกระทั่งเราเข้าจ่อตรงบริเวณโรงงานตอนกลางคืนและเฝ้าอยู่จนถึงรุ่งเช้า วางแผนว่าตอนบ่ายจะเข้าตี
ในช่วงที่เราเคลื่อนที่ไปนั้น เราจับยามเฝ้าตรวจเขาได้ 2 คน เขาปลอมเป็นคนหาปลาคอยเฝ้าตามเส้นทางลำน้ำ เขาระวังหลายเส้นทางเพื่อไม่ให้เข้าไปถึงบริเวณที่ตั้งโรงงานของเขา ส่วนตัวขุนส่าคงไม่ได้อยู่ที่นั่น
เราจับยามเฝ้าตรวจได้ 2 คน ปรากฏว่าคนหนึ่งหนีไปได้ ผมเข้าใจว่าคนที่หนีไปนั้นคงไปบอกพวกที่อยู่โรงงาน เขาก็เริ่มมีการระวังป้องกันแล้วสิ่งที่เราได้เห็นวันที่จะเข้าโจมตีคือ ตอนเช้าเราซ่อนตัวอยู่บนเขา คิดว่าบ่ายจะเข้าตี แต่อยู่ๆในช่วงบ่ายวันนั้นในโรงงานมีเหตุการณ์คล้ายคนแตกตื่น มีคนวิ่งไปวิ่งมา มีการเผาโรงเรือนทีละหลัง เข้าใจว่าคนที่หนีไปได้คงจะไปบอก
ประมาณ 4 โมงเย็น เราก็เลยตัดสินใจเข้าโจมตี ชาร์จเข้าไปทั้งหน่วยเลย ตอนนั้นเริ่มจะเข้าฤดูหนาวด้วย ประมาณสัก 6 โมงเย็นก็มืดสนิทแล้ว เมื่อเราชาร์จลงไปเขาไม่สู้ แตกตื่นหนีกันอุตลุด จากนั้นเราก็เข้าไปวางระเบิด อย่างระเบิดเพลิงเราเตรียมไปเยอะ แล้วเผาซ้ำเข้าไป แต่เข้าใจว่ามันจะขนบางส่วนหนีไปได้ แต่ที่หนีไปไม่ได้ก็เยอะ
ตอนที่เราถอนตัว เราตีฝ่าจุดสกัดของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาด้านฝั่งไทยซึ่งพวกนี้ยังไม่ถอน เราเข้าโจมตีกลางคืน มีอินฟราเรดช่วยนำทางเข้าไปประชิด ยุทธวิธีการรบแบบจู่โจมและการกระจายกำลังกันตีหลายๆจุดพร้อมๆกัน
เมื่อมารวมกันที่สันชายแดนก็เริ่มสว่างแล้ว ตอนนี้แหละเขาใช้กำลังจากบ้านหินแตก มีกำลัง S.U.A. อยู่ในบ้านหินแตกหลายกองร้อยเข้าล้อมกรอบเราตามเส้นทางต่างๆ เขาชำนาญเส้นทางกว่าเรา เราก็เลยจำเป็นต้องลงตามร่องน้ำแม่คำ ตอนนี้เขารุกเราหลายกองร้อย เขาได้แต่สงสัยแต่หาที่ตั้งเราที่แน่นอนไม่เจอ เขาใช้ ค.ระดมยิงรายรอบพื้นที่เป็นระยะๆต่อเนื่องมา 2 วัน
เมื่อวันที่เราเข้าโจมตีเป้าหมายโรงงานนั้น ทางด้าน พล.อ.เปรมฯ อยู่ที่สหรัฐกำลังไปพบประธานาธิบดีเรแกน เราเข้าตีวันที่ 6 ของแผนปฏิบัติการ รุ่งเช้าวันที่ 7 ก็ถอนกำลัง ตอนเช้าของวันที่เราถอนตัวนี่แหละ ข่าวมันถึงสหรัฐ ทางสหรัฐก็รายงานถึงวอชิงตัน พล.อ.เปรมกับท่านเรแกนทราบตลอด
ผมมาทราบภายหลังจากที่ได้ฟังผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง จากผลอันนี้ก็ทำให้ทางสหรัฐมีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าประเทศไทยสมัยท่านนายกฯเปรมมีความจริงใจในการปราบปรามยาเสพติด เพราะเป็นการปฏิบัติที่ค่อนข้างจะรุนแรง ตอนนั้นเหตุการณ์ครึกโครมไปทั่วโลก รู้ว่าเป็นกองกำลังของไทย แต่เขาไม่รู้ว่าหน่วยไหน แม้ในกองทัพบก หลายคนที่ไม่เกี่ยวข้อก็งง หน่วยไหนเข้าปฏิบัติ หากันใหญ่ ไม่มีใครรู้
รู้สึกว่าทางทำเนียบขาวเชิญท่านนายกเปรมฯไป มีการจับมือแสดงความยินดีกัน ในวันนั้นท่านได้รับการยกย่อง ได้รับความชมเชย สิ่งที่ติดใจสงสัยประเทศไทยมันละลายหายไปสิ้น เพราะฝ่ายขุนส่าสูญเสียมาก คิดเป็นเงินก็นับเป็นร้อยล้านบาททีเดียว
หลังจากเข้าตีแล้ว เราก็ถอนตัวใช้เวลา 2 วัน ฝ่ายเราถูกเก็บไปเรื่อย โดน ค.บ้าง โดนกับระเบิดบ้าง และเขาระดมยิงเป็นพื้นที่ เพราะไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน ฝ่ายตรงข้ามอยู่บนสันเขาล้อมรอบเราแล้วยิงลงมา
เราตายวันละคนสองคน เบ็ดเสร็จรวมทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็นนายทหาร-นายสิบ 4 นาย ทหารพราน 3 นาย แต่ว่าตามศพได้ตามลำน้ำ ส่วนมากจะบาดเจ็บ ผู้บังคับส่วนโจมตีของผมชื่อ
ร.ท.อรรคพล จิตร์พรหมา เสียชีวิตในการรบ ส่วนใหญ่จะบาดเจ็บมาก่อนที่เราจะล่องน้ำแม่คำ
ลำน้ำแม่คำเป็นน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขามาออกเกือบจะถึงอำเภอแม่จัน เรานำคนเจ็บล่องตามน้ำมาถูกหินกระแทกบ้าง อะไรบ้าง มีการจมน้ำเสียชีวิตบ้าง นอกนั้นบาดเจ็บสาหัสอีก 20 กว่าคน ครึ่งหน่วยในส่วนโจมตี ส่วนหน่วยสนับสนุน หน่วยปฏิบัติการลวงไม่บอบช้ำมากมายนัก
ตอนที่เราเข้าตีที่หมายในวันนั้น ฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บเพียงคนเดียว แล้วคนนั้นก็รอดชีวิตด้วย ฝ่ายเราเริ่มมาเสียชีวิตหลังจากที่เราถอนตัวมาถึงชายแดนแล้ว แสดงว่ารัฐบาลไทยในยุคก่อนๆที่ปล่อยให้กำลังขุนส่าอยู่ที่บ้านหินแตกนั้นเป็นการปฏิบัติที่ผิดพลาด เราเริ่มรู้สึกตัวว่าการปล่อยให้เขามาอยู่ในบ้านในดินแดนของเรา มีกองกำลังอะไรต่างๆโดยที่ฝ่ายเราไม่ว่าจะเป็นมหาดไทย ตชด.ไม่ได้ขับไล่ เพราะเป็นนโยบายประเภทเอาไว้เป็นกันชนในสมัยก่อน เริ่มรู้ว่านโยบายนี้ผิดพลาดกระทบกระเทือนต่ออธิปไตยของประเทศ เพราะกำลังพวกนี้กลับมาอัดทหารไทยเอง
กำลังขุนส่าส่วนที่ถูกเราโจมตีออกไปนอกประเทศนั้นก็หนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง แต่กำลังที่บ้านหินแตกกลับเคลื่อนย้ายมาโจมตีเรา เขารู้ว่าเราอยู่ในเวิ้งนี้ แต่หาเราไม่เจอ เขาก็ยิงตูม ตูมมา เราก็โดนสะเก็ด ค.บ้าง อะไรบ้าง 2 วันเต็ม ในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว เริ่มมีการอดอาหาร
ที่จริง ผมฝึกกันมาเป็นเดือนในเรื่องการใช้เสบียงอย่างประหยัดเพื่อให้ได้รบต่อเนื่องนานกว่าหน่วยรบทั่วไปของกองทัพบก ฝึกวิธีกินด้วย กินวันละ 2 มื้อ ตอนที่ไปทำงานนั้น เราพยายามนำไปให้เบาที่สุด เราคิดว่าถอนตัวแล้วก็จบ แต่มันไม่อย่างนั้น เหตุการณ์มันยืดเยื้อต่อมาอีกเป็นอาทิตย์ เราเริ่มอดอาหาร จนในที่สุด ผมเลยตัดสินใจขออนุญาตเปิดเผยหน่วยเท่าที่จำเป็น โดยขอกำลังทหารราบจากเชียงรายทั้งกองพัน ผมเป็นคนพากำลังเข้าไปโจมตีกระหนาบฝ่ายตรงข้าม พอเขาเห็นกำลังทหารประจำการเราออกมา เขาก็เลยหลบถอนตัวกลับไป"
จากนั้นพอถึงเดือน ม.ค.25 ถัดมา รัฐบาลจึงตัดสินใจใช้กำลัง ตชด.จำนวนหลายพันคนเข้าปฏิบัติการจนสามารถเข้ายึดบ้านหินแตกได้อย่างเบ็ดเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จนทำให้กองกำลังขุนส่าต้องถอยร่นออกไปจากแผ่นดินไทยอย่างถาวรจากนั้นจนบัดนี้